สูท และเบลเซอร์ (Suits and Blazers)
ปัจจุบันมีการใส่สูทและเบลเซอร์กันมากขึ้น เพราะสามารถใส่ไปในโอกาสสำคัญต่างๆ หรือใส่ลำลองก็ได้ ดังนั้นการสวมสูทที่ตัดเย็บมาอย่างพอดีตัว และมีการติดกระดุมที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นสูทแบบกระดุม 1 เม็ด แบบกระดุม 3 เม็ด หรือจะเป็นแบบกระดุม 2 แถว ก็ทำให้คุณดูสมบูรณ์แบบ หล่อเนี้ยบ และมีความน่าเชื่อถือ ชุดสูทควรติดกระดุมเสมอเมื่อยืน และส่วนตอนนั่งการปลดกระดุมจะช่วยให้คุณนั่งได้สบายขึ้น และป้องกันรอยยับของชุดได้
แบบกระดุม 1 เม็ด
สูทแบบกระดุมหนึ่งเม็ด (The One-Button Jacket)
สูทแบบกระดุมเม็ดเดียวมักจะถูกตัดให้ยาวกว่าแบบอื่นๆ ควรติดกระดุมเสมอเมื่อยืน และส่วนตอนนั่งการปลดกระดุมจะช่วยให้คุณนั่งได้สบายขึ้น และป้องกันรอยยับของชุดได้
แบบกระดุม 2 เม็ด
สูทแบบกระดุมสองเม็ด (The Two-Button Jacket)
สำหรับการใส่สูทแบบที่มีกระดุม 2 เม็ดเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ควรติดกระดุมที่เม็ดบนเม็ดเดียวเท่านั้น แล้วปล่อยเม็ดล่างเสมอ ซึ่งการติดกระดุมลักษณะนี้จะช่วยให้ลุกนั่งสะดวก โดยที่สูทยังคงเนี้ยบอยู่
แบบกระดุม 3 เม็ด
สูทแบบกระดุมสามเม็ด (The Three-Button Jacket)
สำหรับการใส่สูทแบบที่มีกระดุม 3 เม็ด ควรยึดกระดุมเม็ดกลางเป็นหลัก แล้วปล่อยเม็ดสุดท้ายไว้โดยไม่ต้องติด ส่วนกระดุมเม็ดบนนั้นจะติดหรือไม่ติดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ทั้งนี้ควรเลี่ยงการติดกระดุมทั้ง 3 เม็ดพร้อมกัน
แบบกระดุม 2 แถว
สูทแบบกระดุมสองแถว (The Double-Breasted Jacket)
สำหรับการใส่สูทแบบกระดุม 2 แถวนี้เหมาะกับการใส่ไปงานที่เป็นทางการ เพราะจะช่วยให้ดูภูมิฐานขึ้น สูทแบบนี้เหมาะกับคนที่มีรูปร่างสูงหน่อย ซึ่งลักษณะส่วนใหญ่ของสูทแบบนี้จะมีกระดุม 6 เม็ด แต่ใช้งานจริงได้ 4 เม็ด โดยปกติแล้วมักติดกระดุมครบทั้ง 4 เม็ด หรืออาจจะปล่อยกระดุมเม็ดล่างไว้ 1 เม็ด
วันนี้เอ็นเคสูทได้นำเทคนิควิธีการติดกระดุมสูทที่ทำให้ดูดีแล้ว อย่าลืมลองเอาไปใช้กับสูทตัวเก่งกันดูนะคะ
NK SUIT (เอ็นเคสูท)